Friday, April 9, 2010

จาก(J)อภิสิทธิ์ถึง(Q)เปรมเป้าหมายสูงสุด โค่น K

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 10 เมษายน 2553 02:23 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาด ใหญ่ขึ้น




จาก(J)อภิสิทธิ์ถึง(Q)เปรม
เป้าหมายสูงสุดโค่น K
บทพิสูจน์“แดงล้มเจ้า”
แม้ปากของแกนนำคนเสื้อแดงจะสำรากถ้อยคำเพื่อยืนยันว่า พวกเขามาชุมนุมเพื่อทำสงครามชนชั้น ทำสงครามไพร่เพื่อล้มล้างอำมาตย์ และขีดวงคำว่าอำมาตย์ว่าหยุดอยู่ที่ “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษเท่านั้น แต่เมื่อตรวจดูถึงหลักฐานและประจักษ์พยานแวดล้อมต่างๆ แล้ว พวกเขามิอาจปฏิเสธความจริงได้เลยว่า เป้าหมายสูงสุดของเขาคือ การทำสงครามชนชั้น ทำสงครามไพร่เพื่อล้มล้าง “สถาบันพระมหากษัตริย์”

ตัวอย่างที่ตอกย้ำให้เห็นกันชัดๆ อีกครั้งก็คือ นิตยสารเสียงทักษิณ หรือ Voice of Taksin ฉบับวันที่ 18 ปักษ์แรก เมษายน 2553 หนึ่งในสื่อของคนเสื้อแดงที่ตีพิมพ์ภาพปกด้วยภาพและถ้อยคำที่มีเจตนาที่ชัด แจ้งอย่างยิ่งชนิดว่า เป้าหมายสูงสุดของเขาคือการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
**ถึงเวลาล้ม “คิง”

สื่อของคนเสื้อแดงที่มี “นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข” หนึ่งในแกนนำคนสำคัญของนปช.เป็นบรรณาธิการบริหาร ได้นำภาพ “ไพ่ 3 ใบ” มาขึ้นที่หน้าปก โดยไพ่ใบแรกเป็นไพ่แจ็คโพธิ์ดำและมีการตัดต่อภาพด้วยการนำใบหน้าของ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรีเข้าไปใส่ ส่วนไพ่ใบที่สองเป็นไพ่ควีนโพธิ์แดงและมีการตัดต่อภาพด้วยการนำใบหน้าของ “พล.เปรม ติณสูลานนท์” เข้าไปใส่

แต่ที่ต้องใช้คำว่าอุบาทว์ก็คือ ไพ่ใบสุดท้ายที่สื่อคนเสื้อแดงเจตนาทำขึ้นเพื่อให้คนอ่านเข้าใจว่า ไพ่ใบสุดท้ายพวกเขาหมายถึงอะไร โดยบริเวณหน้าไพ่ถูกทำเป็นเครื่องหมายคำถาม “สีเหลือง” เพื่อให้คนอ่านตีความไปเองว่า ไพ่ตัวที่อยู่ถัดจากแจ็คโพธิ์ดำและควีนโพธิ์แดงคือใคร

นี่เป็นประจักษ์พยานที่คงไม่ต้องตีความให้วุ่นวาย

เพราะเป็นที่รับรู้กันเป็นสากลว่า ถัดจากแจ็คและควีนแล้ว ไพ่ตัวต่อไปก็คือ “คิง”มิอาจตีความเป็นอย่างอื่นได้

ยิ่งเมื่อพิจารณาถ้อยคำที่ใช้ในการพาดหัวด้วยแล้ว ยิ่งเห็นชัดเจน เพราะใช้คำว่า “ไพร่ตาสุดท้าย”-“อำมาตย์อัสดง”และ “การต่อสู้ของไพร่ยุคใหม่” โดยเฉพาะคำว่าไพร่ตาสุดท้ายนั้น แสดงให้เห็นว่าเป็นคำพาดหัวที่สอดรับกับภาพกราฟิกไพ่ที่อยู่ด้านบน และเจตนาหลีกเลี่ยงมาใช้คำว่า “ไพร่” แทนคำว่า “ไพ่”

ด้วยเหตุนี้ เมื่อพิจารณาองค์ประกอบโดยรวมทั้งจากภาพและถ้อยคำที่ใช้ ก็ต้องหมายความว่า เป้าหมายของคนเสื้อแดงก็คือ หลังจากล้มแจ็คอภิสิทธิ์ด้วยการกดดันให้ยุบสภาแล้ว เป้าหมายต่อไปคือการกำจัดควีนโพธิ์แดงเปรม และสุดท้ายคือการล้มไพ่คิง ซึ่งมีความหมายถึงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างตรงไปตรงมาโดยมิต้องตีความให้ วุ่นวาย

แถมการล้ม “ไพร่ตาสุดท้าย” ของพวกเขา ยังเป็นการล้มชนิดที่ต้องการให้ “เลือดตกยางออก” อีกต่างหาก เพราะภาพที่เสียงทักษิณนำมาประกอบเป็นพื้นด้านหลังก็คือ “ภาพเลือด”

ส่วนจะล้างกันเฉกเช่นการปฏิวัติฝรั่งเศสหรือราชวงศ์โรมานอฟของรัส เซียหรือไม่นั้น ก็คงต้องพิจารณากันต่อไป

คนเสื้อแดงมิอาจปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับนิตยสารฉบับนี้ได้ เพราะทั้งสถานที่ตั้ง ทีมงาน ที่ปรึกษา ล้วนแล้วแต่ระดับตัวเอ้ของคนเสื้อแดงทักษิณ กล่าวคือ สำนักพิมพ์แห่งนี้มีสถานที่ตั้งอยู่ที่ “ศูนย์การค้าอิมพีเรียลลาดพร้าว” ของ “สงคราม กิจเลิศไพโรจน์” ซึ่งเป็นกองบัญชาการใหญ่ของคนเสื้อแดงและที่ทำการของสถานีดีสเตชั่นก็ตั้ง อยู่ที่อิมพีเรียลลาดพร้าวเช่นกัน

ส่วนทีมงานก็เป็นที่รับรู้กันว่า นักเขียนก็ล้วนแล้วแต่คุ้นชื่อทั้งสิ้น เริ่มจากนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข บรรณาธิการบริหาร ขณะที่นักเขียนประจำก็ประกอบด้วย “เจ๊เพ๊ญ-จักรภพ เพ็ญแข นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล นายจรัล ดิษฐาอภิชัย ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ นายสุนัย จุลพงศธร พล.โทมะ โพธิ์งาม ดร.สุดา รังกุพันธุ์ นายสงวน พงษ์มณี นายธเนศ เจริญเมือง และดร.จารุพรรณ กุลดิลก

สำหรับที่ปรึกษาก็ประกอบด้วยนายวีระ มุสิกพงศ์ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ นายสุทิน คลังแสง นายชูพงษ์ ถี่ถ้วน และนายสุวิทย์ ทองนวล โดยมีนายสุธรรม แสงประทุมเป็นประธานบริหาร ขณะที่กองบรรณาธิการประกอบไปด้วยนายจักรภพ เพ็ญแข นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ นายจารุวงศ์ เรืองสุวรรณและนายไชยวัฒน์ ตระการรัตน์สันต์

นอกจากนี้ ในส่วนของเนื้อหาที่อยู่ด้านในก็มีความชัดเจนว่า ล้วนแล้วแต่เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งสิ้น

บทความหลักของเรื่องที่ใช้ชื่อว่า “ไพร่ตาสุดท้าย” คือสิ่งที่ยืนยันในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

“การชูประเด็น 'ไพร่' เป็นสัญลักษณ์แทนคนเสื้อแดง ในการต่อสู้เรียกร้องสิทธิประชาธิปไตยและความเป็นธรรมของแกนนำขบวนการเสื้อ แดง หรือ นปช. เป็นการตอกย้ำความเจ็บปวดทางประวัติศาสตร์ที่ยังส่งผลมาถึงปัจจุบันว่า ประชาชนไทยวันนี้โดยเฉพาะนักการเมืองที่ถูกยุบพรรคและถูกตัดสิทธิทางการ เมืองทั้ง 111 และ 109 รวมทั้ง 'ทักษิณ' ไม่ต่างอะไรจากไพร่ในอดีตที่ไม่มีสิทธิทางการเมือง และไม่มีแม้แต่สิทธิที่จะเงยหน้าขอความเป็นธรรมจากพระราชา

“หากเหล่าอำมาตย์เกลียดขี้หน้า 'ไพร่' ผู้นั้น การเรียกตัวเองว่า 'ไพร่' ในการขับเคลื่อนทางการเมืองเพื่อต่อสู้กับเหล่าอำมาตย์ที่เบียดบังอำนาจแห่ง พระราชา ในปัจจุบันจึงมีนัยยะสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่บ่งบอกถึงอนาคตแห่งการเปลี่ยน แปลงเชิงโครงสร้าง และยิ่งแกนนำ นปช. ใช้กลยุทธ์ 'เลือดนอง' แสดงการร้องขอสิทธิความเสมอภาคทางการเมืองด้วยเลือดของไพร่จึงยิ่งเป็นการ บ่งบอกเชิงสัญลักษณ์ให้เห็นว่า 'ขบวนการไพร่' พร้อมจะเจ็บปวดอย่างถึงที่สุดถึงขั้น 'นองเลือด'

“ในอนาคตหากเหล่าอำมาตย์และลูกสมุนยังขัดขวางการสถาปนา ระบอบประชาธิปไตยแห่งไพร่ การต่อสู้ครั้งนี้จึงเป็นครั้งสำคัญยิ่งทางประวัติศาสตร์จึงไม่ต่างอะไรกับ การเล่นไพ่ ตาสุดท้ายที่ไพร่ทั้งหลายก็รู้ว่าอำมาตย์มีไพ่อะไรอยู่ในมือ แต่วิวัฒนาการแห่งประวัติศาสตร์ได้เคยบอกแก่เราว่า ไพ่ตาสุดท้ายมีความเจ็บปวดที่ยาวนานและอันตรายเกินกว่าที่ไพร่จะเกรงกลัว และไพร่วันนี้พร้อมจะเล่นไพ่เลือดแล้ว ...” นิตยสารเสียงทักษิณระบุ

เมื่อพลิกต่อไปที่ หน้า 28 กอง บก.นิตยสารเสียงทักษิณก็รายงานถึง กระทู้ในเว็บไซต์ซึ่งเป็นศูนย์รวมของขบวนการล้มเจ้าแห่งหนึ่ง โดยพาดหัวข่าวว่า กระทู้ Hi S รายงานความคืบหน้าอาการป่วยของ xxx ขณะที่เนื้อหาข่าวระบุว่า

“คุณ Hi S มีศิลปะที่จะรายงานโดยตั้งชื่อตัวละครชนิดที่คุณสาธิต วงศ์หนองใน หาเรื่องปิดเว็บและดำเนินคดีทางกฎหมายไม่ได้ แต่เมื่อเห็นชื่อตัวละคร และคิดสักนิดด้วยคำผวนบ้างด้วยสัญลักษณ์บ้างจะเข้าใจและตามมาด้วยเสียง หัวเราะ เช่น ชื่อตัวละคร 'จ่าห้าว' และ 'น้องถั่ว' รวมตลอดทั้งข้อมูลที่ Hi S ว่าเป็นเพียงนิยายแต่ผู้อ่านกลับเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เพราะข้อมูลจากวรรณกรรมของ Hi S ที่หลุดออกมาสู่โต๊ะข่าวในหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ นั้นเป็นเรื่องจริง ข่าวเจาะลึก VOT ทราบมาว่า Hi S เป็นคนวงในที่เรียกว่า 'ในรั้ว xxx' และอึดอัดต่อเหตุการณ์บ้านเมืองและความเน่าเฟะของบางครอบครัวในประเทศนี้ ที่ลวงสังคมปิดหูปิดตาผู้คนมายาวนาน ...”

และปิดท้ายกันที่บทความที่ใช้ชื่อว่า “มุสตาฟา เคมาล อตาเตอร์ก นักปฏิวัติผู้ก่อร่างสร้างรัฐสมัยใหม่ให้แก่ตุรกี” ซึ่งแม้จะได้ได้ขยายความให้เห็นว่า มีเป้าประสงค์ใดในการนำเสนอ หากแต่เมื่ออ่านเนื้อหาโดยรวมก็จะเห็นชัดเจนว่าต้องการนำไปเปรียบเทียบกับ นายใหญ่ของคนเสื้อแดง

ยกตัวอย่างเช่น เนื้อหาตอนหนึ่งที่ระบุว่า “เขาเป็นผู้มีบทบาทสำคัญคนหนึ่งของขบวนการยังเตอร์กในการก่อการปฏิวัติโค่น ล้มอำนาจของกษัตริย์อับดุลฮามิดที่ 2 แห่งออตโตมาน” หรืออีกตอนหนึ่งที่เขียนเอาไว้ว่า “มุสตาฟา เคมาลรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกของของสาธารณรัฐเมื่อปี 1934 และทุกคนในประเทศตุรกีก็ขนานนามของเขาว่ามุสตาฟา เคมาล อตาร์เตอร์ก(อตาเตอร์กเป็นภาษาตุรกีที่แปลว่า บิดาแห่งชาวตุรกี)”
**เสียงทักษิณ-ชูพงษ์ ถี่ถ้วน-นปช.USAคนครอกเดียวกัน

นอกจากนี้ เรื่องที่ประจวบเหมาะที่สะท้อนให้เห็นธาตุแท้ของคนเสื้อแดงอีกประการหนึ่งก็ คือ การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าจับกุม “นายธันย์ฐวุฒิ” หรือ “หนุ่ม ทวีวโรดมกุล” อายุ 38 ปี คาอาคารอัสสกานต์คอนโดมิเนียม เขตบางกะปิ กทม.ในฐานะผู้ดูแลเว็บไซต์นปช.USA เจ้าของสมญา “เรดอีเกิ้ล” หรืออินทรีแดง โทษฐานนำรายการทางออกประเทศไทยของนายชูพงษ์ ถี่ถ้วนที่มีเนื้อหาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 1 เม.ย.

รายการนี้นอกจากเผยแพร่ทางเว็บไซต์แล้ว ยังถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนลด้วย!

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขัง ซึ่งหลังจากศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังตามคำร้อง และให้ส่งตัวผู้ต้องหาไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ คำร้องฝากขังสรุปว่า ผู้ต้องหาใช้ชื่อนามแฝง ว่า “เรดอีเกิ้ล” หรืออินทรีแดง เป็นเจ้าของหรือผู้ดูแลเว็บไซต์ www.norporchorusa.com และ www.norporchorusa2.com ซึ่งมีการโพสต์ข้อความจาบจ้วง และอาฆาตมาดร้าย ต่อสถาบันเบื้องสูง ตั้งแต่เวลาประมาณ 10.00 น.วันที่ 13-15 มี.ค.53 ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท.จะติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ ที่ห้องพักเลขที่ 803 อาคารอัสสกานต์คอนโดมิเนียม ตั้งอยู่เลขที่ 19/50 อาคาร 9 ซอยรามคำแหง 107 หรือซอยวัดศรีบุญเรือง ถนนสุขาภิบาล 3 แขวงลาดพร้าว เขตบางกะปิ กทม.พร้อมของกลางหลายรายการ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ

และที่ต้องขีดเส้นใต้เอาไว้ก็คือ รายการทางออกประเทศไทยที่มีเนื้อหาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์นั้น เป็นรายการของ “นายชูพงษ์ ถี่ถ้วน” และนายชูพงษ์คนเดียวกันนี้เองก็เป็นหนึ่งในที่ปรึกษาของนิตยสารเสียงทักษิณ อีกด้วย

เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงเป็นคนในครอกเดียวกัน

“คำนูณ สิทธิสมาน” ส.ว.สรรหา ได้เขียนถึงนายชูพงษ์เอาไว้ในคอลัมน์ที่ตั้งชื่อ “นปช.USA + ชูพงษ์ ถี่ถ้วนกับวาทกรรม ‘รถไฟขบวนเดียวกัน’ !” เอาไว้ว่า “นายชูพงษ์ ถี่ถ้วนดังขึ้นมาจากการจัดรายการวิทยุชุมชนของคนเสื้อแดง จนได้เข้าเป็นแกนนำ นปช.รุ่น 2 ในอดีตเขาเป็นศิษย์อาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เคยต้องหาจำคุกในคดีสภาปฏิวัติมาแล้ว สี่ห้าเดือนมานี้เขาเดินทางออกจากประเทศไปพำนักอยู่ในสหรัฐอเมริกา ร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่ม นปช.USA ที่มีเนื้อหาวิพากษ์และบริภาษสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรง ปรากฏเป็นคลิปเสียงในเว็บไซต์ นปช.USA จำนวนมาก เพราะเขามีรายการวิทยุทางอินเทอร์เน็ตทุกวัน แม้ตัวจะอยู่อเมริกา แต่คลิปเสียงแพร่ไปทั่วยิ่งกว่าหญ้าหน้าฝน ซีดี “อาจารย์ชูพงษ์” หรือ “ชูพงษ์ เปลี่ยนระบอบ” เป็นที่นิยมอย่างยิ่งในหมู่คนเสื้อแดง ในโลกไซเบอร์วันนี้ นอกจากคลิปเสียงและรายการวิทยุออนไลน์ของนายชูพงษ์ ถี่ถ้วนแล้ว ยังมีทั้งภาพและเนื้อหาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ในนาม นปช.USA อีกมาก”

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า นายชูพงษ์เป็นคนปักษ์ใต้ อาชีพเก่า คือ คนขับแท็กซี่ ก่อนจะผันตัวเองมาเป็นผู้ดำเนินรายการวิทยุชุมชน แจ้งเกิดในเวทีม็อบครั้งแรกจากเวทีม็อบเชียร์ทักษิณ ในช่วงต้นปี 2549 โดยเดินดุ่ม ๆ ไปขอขึ้นเวทีปราศรัยไฮด์ปาร์กเชียร์ระบอบทักษิณ ที่สวนจตุจักร ซึ่งมีกลุ่มคาราวานคนจนของนายคำตา แคนบุญจันทร์ เป็นแกนนำ ร่วมกับนายชินวัฒน์ หาบุญพาด

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2549 นายชูพงษ์คนนี้ยังได้จับมือกับนายชินวัฒน์ หาบุญพาดเข้าไปร่วมเป็นแกนนำในกลุ่มคาราวานคนจนของนายคำตา แคนบุญจันทร์ที่ พาม็อบไปปิดล้อมสำนักพิมพ์เนชั่น-คมชัดลึกอย่างป่าเถื่อน ทำให้ถูกแจ้งความดำเนินคดีอาญา ตอนนี้ คดียังค้างอยู่ที่ศาล

และที่ต้องขีดเส้นใต้เอาไว้ก็คือ ครั้งหนึ่งนายชูพงษ์เคยทำงานกับ"พ่อใหญ่จิ๋ว" แต่ตอนหลังก็ถอยห่างออกมา
**”คางคกเหิม”พาดพิงสตรีสูงศักดิ์

และยิ่งเมื่อนำมาเชื่อมโยงให้เห็นถึงคำพูดของ “นายจตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำคนสำคัญของม็อบเสื้อแดง ก็จะเห็นชัดเจนถึงเป้าประสงค์ในการเคลื่อนไหวของพวกเขาว่า แท้ที่จริงแล้วต้องการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ และต้องการช่วยเหลือ นช.ทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นผิด โดยที่ไม่มีเหตุผลอื่นในการเจือปนแต่อย่างใด

ไม่เช่นนั้นแล้ว คงไม่มีการเอ่ยชื่อของ “ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ” รองราชเลขาธิการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และ “คุณหญิงทิพยา ยังพัฒนา หรือ คุณหญิงดารา” คุณข้าหลวงในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ บนเวทีชุมนุมของคนเสื้อแดงที่สี่แยกราชประสงค์เมื่อค่ำคืนของวันที่ 6 เม.ย.อย่างเด็ดขาด

และเป็นการเอ่ยนามที่ต้องบอกว่าเจตนา มิใช่บังเอิญหรือพลาดพลั้งหลุดปากออกมา และที่สำคัญคือนายจตุพรยังเจตนาที่ จะนำเรื่องนี้มาพูดบนเวทีของคนเสื้อแดงในวันที่ 6 เม.ย.ซึ่งเป็นวันจักรีอีกต่างหาก
ดังนั้น จึงเป็นการแสดงให้เห็นว่า แท้ที่จริงแล้วพวกเขาก่อม็อบเพื่อต้องการกดดันสถาบัน และคู่ต่อสู้ของเขาไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นายอภิสิทธิ์หรือพล.อ.เปรมเท่า นั้น หากแต่เป็น “บุคคล” สำคัญเพียง “คนเดียว” เท่านั้นที่จะแก้ปัญหาของคนเสื้อแดงและ “นช.ทักษิณ” ได้ ดังเช่นที่ “นายชุมพล ศิลปอาชา” หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา วิเคราะห์และให้สัมภาษณ์เอาไว้ในรายการ “เจาะลึกทั่วไปอินไซด์ไทยแลนด์” ของ “นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์” ทางวิทยุเอฟเอ็ม 97.0 เมกะเฮิรตซ์ เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา

คงไม่ต้องตีความกระมังว่า บุคคลสำคัญเพียงคนเดียวที่นายจตุพรพูดถึงหมายถึงใคร

“นางกาญจนี วัลยะเสวี” แกนนำเครือข่ายประชาสังคมหยุดระบอบทักษิณ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า “เป็นการกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย เพราะคุณหญิงท่านนั้นเป็นสุภาพสตรีที่กิริยาเรียบร้อย ไม่มีพฤติกรรมแบบนั้นเด็ดขาด เป็นคนถ่อมตนมีชีวิตอย่างสมถะ ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ไม่เคยแอบอ้างสถาบัน ทั้งที่เป็นผู้ที่ติดตามรับใช้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อย่างใกล้ชิดมานาน ท่านไม่ควรจะมาถูกการเมืองโจมตีแบบนี้”

...สุดท้าย คำถามที่เกิดขึ้นก็คือว่า คนเสื้อแดงที่มาร่วมชุมนุมทราบหรือไม่ว่า เป้าหมายในการทำศึกครั้งนี้คือการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์

ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ อาจต้องตอบว่า มีเพียงบางส่วนเท่านั้น ขณะที่ส่วนใหญ่มาโดยไม่ทราบความเป็นจริง ถูกหลอกมาบ้าง เข้ามาร่วมชุมนุมเพราะอามิสสินจ้างที่ได้รับ

แต่ ณ ห้วงเวลาปัจจุบันหลังจากที่พวกเขามาร่วมชุมนุมใหญ่ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศและ เคลื่อนขบวนมาปักหลักที่สี่แยกราชประสงค์ คำตอบข้างต้นคงต้องเปลี่ยนแปลงไป และคงสามารถเหมารวมได้ว่า พวกเขาคือส่วนหนึ่งของขบวนการล้มเจ้าไปเรียบร้อยแล้ว