Sunday, May 16, 2010

แช่แข็งท่อน้ำเลี้ยง 106บัญชีห้ามทำธุรกรรม!/ซากศพ'ทรท.-แดง'เต็มพรึ่บ

By thaipost
Created 17 May 2553 - 00:00

ศอฉ.บี้ระบอบทักษิณ ตัดท่อน้ำ เลี้ยงม็อบแดง สั่งอายัดบัญชีเครือข่ายแม้ว ห้ามทำธุรกรรมทางการเงินทั้ง 93 บุคคล และ 13 นิติบุคคล เรียกข้อมูลจากสถาบันการเงินระหว่าง 1 ก.ย.52-17 ก.ย.53 สั่งรายงานในวันที่ 20 พ.ค. เปิดรายชื่อบิ๊กทั้งนั้น "ครอบครัวชินวัตร" โดนเรียบ อดีต ส.ส.ไทยรักไทยเป็นบัญชีหางว่าว "ยุทธตู้เย็น-เสี่ยเพ้ง-สันติ-เจ๊หน่อย-พงศ์ เทพ" พ่วงอดีตประธานวุฒิฯ "สุชิน"
ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มีมาตการใหม่เพื่อให้การชุมนุมของคนเสื้อแดงยุติลง ด้วยการสั่งระงับธุรกรรมทางการเงินของนิติบุคคลและบุคคลที่มีการตรวจสอบพบ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุม
นายถวิล เปลี่ยนสี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน แถลงข่าวว่า ศอฉ.ได้มีคำสั่งห้ามไม่ให้กระทำการใดๆ เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงิน หรือดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคลหรือนิติบุคคลเท่าที่จำเป็นแก่การ รักษาความมั่นคงของรัฐ ตามที่นายกฯ ได้ประกาศที่มีความร้ายแรงแล้วยังมีพฤติกรรมของการก่อการร้าย มีการใช้กำลังประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกายและทรัพย์สิน และมีเหตุอันเชื่อได้ว่า มีการกระทำที่รุนแรงมีผลกระทบต่อความมั่นคง
เลขาธิการ สมช.บอกว่า อาศัยมาตรา 11 ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประกอบกับคำสั่งนายกฯ เรื่องการแต่งตั้งผู้รับผิดชอบ จึงมีคำสั่งห้ามมิให้สถาบันการเงินตามกฎหมาย ว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินธนาคารตามที่ได้มีการจัดตั้งขึ้น โดยเฉพาะบริษัทหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ บริษัทประกันชีวิตตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต และบริษัทประกันวินาศภัยตามกฎหมายที่ว่าด้วยวินาศภัย
และสหกรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ นิติบุคคลที่อนุญาตให้ประกอบธุรกิจ เกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินต่างประเทศตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยน เงิน นิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ทำนิติกรรม สัญญา หรือดำเนินการใดๆ ทางการเงินทางธุรกิจ หรือดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินกับบุคคลหรือนิติบุคคลตามบัญชีรายชื่อแนบ ท้ายคำสั่งนี้ มีรายชื่อบุคคลและนิติบุคคล 106 รายการ 13 รายการเป็นรายชื่อนิติบุคคล ส่วนที่เหลือนั้นเป็นรายชื่อของบุคคล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีคนจะฝากเงิน 500 บาท จำเป็นต้องมาแจ้งให้ ศอฉ.ทราบด้วยหรือไม่ นายถวิลตอบว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น ส่วนเรื่องจำนวนเงินนั้นเป็นไปตามที่ กำหนด และการที่ดำเนินการทางธุรกรรมนั้นคนที่เป็นเจ้าของจะต้องมาแจ้งให้ทาง ศอฉ.รับทราบ
ถามว่า ที่มีประกาศออกมาแสดงว่ามีการตรวจสอบแล้วว่ามีเงินไหลเข้ามาจำนวนมากใช่หรือ ไม่ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ตอบว่า เมื่อได้ข้อมูลจากสถาบันการเงินมาแล้ว ก็คงจะมีความชัดเจนมากกว่านี้ ขณะนี้ต้องรอดูรายงานสถาบันการเงินก่อน ซึ่งเวลาที่ ศอฉ.กำหนดไว้ก็คงจะไม่นานเกินไป เพราะเป็นการกำหนดในเรื่องของการทำธุรกรรมทางการเงินตั้งแต่ 1 ก.ย.52-17 ก.ย.53 โดยกำหนดให้ส่งรายงานในวันที่ 20 พ.ค.53 โดยจะส่งรายงานเข้า ศอฉ. ทั้งนี้จะมีการพิจารณาร่วมกันหลายหน่วยงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรการดังกล่าวถือเป็นการตัดเส้นทางการเงินหรือไม่ นาย ปณิธานกล่าวว่า ต้องดูก่อน เพราะมีหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องและกระเทือนต่อความมั่นคงในการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉิน จะมีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่เฉพาะกิจกรรมชุมนุมอย่างเดียวเท่า นั้น มันมีอีกหลายเรื่องที่จะเชื่อมโยงกับทางเครือข่าย โดยเรื่องที่อายัดจะเกี่ยวข้องกับความมั่นคง
สำหรับนิติบุคคล เกือบทั้งหมดเป็นบริษัทในเครือข่ายของตระกูลชินวัตร เช่น บริษัท ประไหมสุหรี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด, บริษัท เอส ซี เค เอสเทค จำกัด, บริษัท เอสซี ออฟฟิศ ปาร์ค จำกัด, บริษัท เอสซี ออฟฟิศ พลาซ่า จำกัด เป็นต้น
ส่วนบุคคลนั้นทั้งหมดคือคนในระบอบทักษิณ อาทิ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร, คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ดามาพงศ์ หรือ ณ ป้อมเพชร, นายพานทองแท้ ชินวัตร, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร, น.ส.พินทองทา ชินวัตร, น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์, นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์, นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์, นางกาญจนาภา หงษ์เหิน, นายชูชาติ หาญสวัสดิ์
นายการุณ โหสกุล, นายนพดล ปัทมะ, นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา, นายสันติ พร้อมพัฒน์, นายประชา ประสพดี, นายไชยา สะสมทรัพย์, นายยงยุทธ ติยะไพรัช, นายสุทิน คลังแสง, นายพายัพ ชินวัตร, พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก, นายสุชน ชาลีเครือ และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล เป็นต้น (รายละเอียดหน้า 4)
สำหรับอดีต ส.ส.ไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ซึ่งไม่ได้เป็นแกนนำ นปช.พบว่าส่วนใหญ่ต่างเดินทางมาที่เวทีราชประสงค์และที่ผ่านฟ้าฯ อย่างต่อเนื่องหลายวัน โดยหลายคนมีพฤติการณ์ชัดเจนว่าเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ในการเคลื่อนไหว ทั้งจัดหาตั้งเต็นท์เสื้อแดงจำนวนมากมาตั้งถาวรตลอดเส้นทางการชุมนุม ดูแลเรื่องการส่งอาหารมาให้ผู้ชุมนุม ออกค่าใช้จ่ายในการชุมนุม เช่น ค่าเวที ค่าน้ำมันในการขนคนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุม ช่วยออกค่าใช้จ่ายในเรื่องเงินค่าจ้างให้กับการ์ด นปช.
ซึ่งคนสำคัญๆ ที่น่าสนใจก็เช่น นายสาโรจน์ หงษ์ชูเวช ซึ่งรู้กันดีว่าได้รับมอบหมายจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้เป็นคนดูแลเรื่องเงินทองและค่าใช้จ่ายต่างๆ ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งนายสาโรจน์ทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย จนมาถึงพลังประชาชนและเพื่อไทย เสมือนกับคนถือเงินของคนในตระกูลชินวัตร โดยนายสาโรจน์ได้มาปรากฏตัวที่หลังเวทีเสื้อแดงเกือบทุกวัน ทว่าระยะหลังหายหน้าไป ส่วนใหญ่จะอยู่ที่พรรคเพื่อไทยเป็นหลัก เพราะเป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย
หรือ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ซึ่งก็เดินทางมาที่เวทีราชประสงค์ในช่วง 19.30 น.หลังทราบข่าวถูก ศอฉ.สั่งระงับการทำนิติกรรมทางการเงินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนนายสุชน ชา ลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา ก็เดินทางมาที่หลังเวทีหลายครั้ง แต่ไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัย ส่วนนายสงคราม เลิศกิจไพโรจน์ อดีต รมช.พาณิชย์ ก็เป็นเจ้าของห้างอิมพีเรียลเวิลด์ลาดพร้าว ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล
อย่างไรก็ตาม หลายคนก็พบว่าระยะหลังไม่ได้มีข่าวว่าติดต่อหรือให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่อย่างใด อาทิ นายพันธ์เลิศ ใบหยก เจ้าของห้างใบหยกสอง ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากการชุมนุมครั้งนี้ ซึ่งระยะหลังไปเป็นนายทุนให้ พรรคเพื่อแผ่นดิน หรือนางพิมพา จันทร์ประสงค์ อดีต ส.ส.นนทบุรี ก็เปิดตัวชัดเจนว่าจะลงสมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย อีกทั้งปัจจุบันก็มีลูกชายเป็น ส.ส.นนทบุรี พรรคภูมิใจไทย อยู่ด้วย
ขณะที่กลุ่มเพื่อนร่วมเตรียมทหารรุ่น 10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูก ศอฉ.มีคำสั่งครั้งนี้ ที่น่าสนใจ คือ พล.ท.มนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 ปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย รวมถึง พล.ท.พฤณฑ์ สุวรรณทัต ส่วนนายประชัญ หรือ ฌอน บุญประคอง คือผู้ทำหน้าที่เป็นคนแปลการแถลงข่าวของแกนนำ นปช.ทุกครั้งเป็นภาษาอังกฤษให้กับสื่อต่างชาติ
ขณะที่บริษัทต่างๆ ที่ถูกคำสั่งดังกล่าวพบว่าล้วนเป็นบริษัทนิติบุคคลในเครือชินวัตร-ดามา พงศ์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและถือหุ้นอยู่ ที่เคยถูก คตส.อายัดทรัพย์ในคดียึดทรัพย์เกือบทั้งสิ้น.