Tuesday, May 18, 2010

กบฏที่กำลังเป็น "ปลาปากแห" ให้ทหาร

By thaipost
Created 19 May 2553 - 00:00

กรุงเทพฯ ประกาศเป็นสัปดาห์ "หยุดงาน-กวาดกบฏ" ตั้งแต่จันทร์ที่ ๑๗ พ.ค.-อาทิตย์ที่ ๒๓ พ.ค.๕๓ ถ้าถามว่า "แน่นะ...จันทร์ที่ ๒๔ พ.ค. ชีพจรเมืองจะเดินปกติ?" ผมก็ว่า ถึงวันนั้น "น่าจะปกติ" แต่ถ้ายัง...แสดงว่าต้องมี "ปาฏิหาริย์เหนือวิกฤติ" เกิดขึ้น แต่ไม่ต้องไปสนใจเรื่องปาฏิหาริย์ ที่ควรสนใจคือ จากจันทร์หน้าเป็นต้นไป เราจะไม่เห็น "การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง" อีก แต่จะเห็น "การทหารและการเมือง" นำบ้านเมืองออกจากฝันร้ายด้วย "โครงสร้างใหม่ๆ" ร่วมกันในระบบรัฐสภา
และนั่นคืออะไร...ผมก็ไม่ทราบ เพียงแต่ "ภาวะเหนือความเข้าใจ" บางอย่าง...กระซิบบอก!?
เมื่อพฤษภาคม ๒๕๓๕ คือเมื่อ ๑๘ ปีที่แล้ว เราเกิด "พฤษภาทมิฬ"
และวันนี้ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ตัวเลขเดียวกัน แต่กลับกันจาก ๓๕ มาเป็น ๕๓ เราเกิด "พฤษภา-มหานรก" ถ้ามองในมุมรหัสดาว ก็ไม่น่าแปลกใจตามวงรอบดาวเสาร์ ซึ่งคุยกันไปแล้วว่า เสาร์รอบนี้เป็น "เสาร์รอบเช็กบิล" ใครทำดี ชีวิตอยู่ในศีล-ในธรรม ก็ถึงคราวชีวิตนำสุขมาสู่อันไม่เคยประสบเช่นนี้มาก่อน
แต่ถ้าใครทำชั่ว ชีวิตเกลือกกลั้วอยู่กับความเลวร้าย ก็ถึงคราววิบัติ ฉิบหาย-ตายจาก พรัดพราก ราพณาสูร วงจรชีวิตจะมีแต่โศกาอาดูร สิ่งที่เพิ่มพูนคือทุกข์ถมทุกข์!
ขณะนี้ รัฐบาล-ทหาร-ตำรวจ ถ้าจะพูดให้เห็นภาพ เขาก็คือตัวแทน "ดาวเสาร์" มาทำหน้าที่เช็กบิล "มนุษย์บุญ-มนุษย์บาป" ไม่มีความหมายอะไรที่พวกกบฏแผ่นดิน ปากก็ตะโกนว่า "รัฐบาล-ทหารฆ่าประชาชน"
แต่มือพวกมัน...ฆ่าทหาร-เผาเมือง พยายามล้มสถาบัน เปลี่ยนระบอบ กระทำทารุณ โหดร้าย ป่าเถื่อน กับพี่น้องประชาชนร่วมชาติอันไม่เคยปรากฏว่ามนุษย์เมืองไหนจะทำกับบ้านเมือง ตัวเองอย่างที่ "กบฏทักษิณ" กำลังทำ!
รัฐบาล-ทหาร ไม่ได้ฆ่าประชาชน.....
แต่ฆ่าผู้ก่อการร้ายที่ทำลายเมือง เป็นการพิทักษ์ชาติ-ประชาชน!
ฝ่ายกบฏก่อการร้ายจะยอมเจรจา หรือไม่ยอมก็ตาม เมื่อมาถึงจุดนี้ คือจุดที่ "ไม่มีใครแพ้-ชนะ" เพราะแพ้ด้วยกันทั้งประเทศอยู่แล้ว รัฐบาล-ทหาร จะอ่อนข้อ-รามือเปิดโอกาสให้สัตว์ป่าเลียแผลไม่ได้ เพราะเห็นมาตลอดแล้วว่า "สัจจะไม่มีในหมู่โจร" เจรจากับโจรก็เจรจาไป แต่ฝ่ายรัฐต้องเป็นฝ่าย "หยัดอยู่-ชูกฎหมาย"
ไม่ใช่ให้โจรมาต่อรองนอกกรอบกฎหมาย ซึ่งจะทำให้อีกหลายกลุ่ม-หลายพวกในขบวนการยกเป็นเงื่อนไขมาต่อรองบ้างใน โอกาสต่อไป และนั่นก็จะทำให้คำว่า "๒ มาตรฐาน" ถูกโจรไร้ยางอายเวียนนำมาใช้ยามไม่ได้อย่างใจอีก!
ผมก็ไม่เข้าใจเหมือน กันว่า สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.มาทำหน้าที่ตัวกลางในการเจรจาหาทางสงบศึกระหว่างกบฏกับรัฐบาล ไหนๆ ก็ทำดี เป็นสัญลักษณ์แห่งประสานสามัคคีอยู่แล้ว แต่ทำไมแม่ปูต้องแยก-แตกสามัคคีเป็นกลุ่ม ๖๔ ส.ว.บ้าง กลุ่ม ๔๐ ส.ว.บ้าง ไปทำหน้าที่ตัวกลาง กลุ่มใคร-กลุ่มมัน
เห็นแล้ว วุฒิภาวะแห่งวุฒิฯ จะมีตำหนิไปหน่อยนะครับ!
ในการปราบกบฏที่มีกองกำลังก่อการร้ายเป็นหน่วย รบนั้น ก็ชัดแล้วว่า "หัวหน้าผู้ก่อการร้าย" อยู่นอกประเทศ ขณะนี้อยู่กันพร้อมหน้าทั้งพ่อ-แม่-ลูก ช็อปปิ้งกันเพลินที่ฝรั่งเศส แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นที่ผมอยากจะบอก ที่อยากจะบอกคือ ยุทธการปราบกบฏครั้งนี้
ต้องใช้ระบบ "สื่อสารสังคม" ให้มาก!
โจรอยู่เรือนพุธ โจรก็ปากเก่ง แต่พุธถึงอาทิตย์ถึงพฤหัสฯ สู้ปากรัฐบาลไม่ได้ เพราะเป็นปาก "สีผึ้งเสก" ฉะนั้น พูดอะไร สังคมจะให้น้ำหนักในการเชื่อถือมากกว่า เพราะฉะนั้น การจะให้ชนะศึกทั้งในสนาม และทั้งในสนามสังคมโลก ศอฉ.จะต้องเป็นมิตรกับสื่อ และใช้การสื่อสาร "ออกข่าว-ออกจอ" เป็นประจำ
ดาว พุธของหัวหน้าโจรก่อการร้ายเสีย แต่ดาวพุธในดวงเมืองขณะนี้ รัฐบาล-ทหารกำลังดีวัน-ดีคืน และผมเชื่อว่า เสร็จศึกสนามแล้ว ต่อไปฝ่ายกบฏจะเปิดศึกทางมวลชนผ่านระบบสื่อ ฟ้องโน่น-ฟ้องนี่ ทั้งใน-นอกประเทศ โดยบิดเบือนทั้งเอกสาร ทั้งภาพ ให้ปรากฏว่า "รัฐบาล-ทหาร ฆ่าประชาชน"
พยานบุคคลที่เป็น "คนกลาง" สำหรับใช้อ้างอิงว่า "ใครพูดตรง-ใครพูดบิด" ได้ดีที่สุดคือ สื่อมวลชนทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น นักข่าว-ช่างภาพ-ช่างกล้อง ที่ติดตามอยู่ในแต่ละเหตุการณ์ใกล้ชิดตลอด และนั่น ฝ่าย ศอฉ.ซึ่งปฏิบัติการเปิดเผยท่ามกลางการจับตาของสื่อมวลชน น่าจะรวบรวมรายชื่อ สังกัด สถานที่ติดต่อ ของสื่อมวลชนนั้นไว้ทั้งหมดในฐานะ "สื่อร่วมศึก"
เพราะสื่อมวลชน "คนกลาง" นี่แหละ เมื่อถึงคราวชี้ขาด สามารถบอกได้จากเหตุการณ์ที่ "เห็นด้วยตา" ตัวเองว่า อะไรใช่...อะไรไม่ใช่!
ผม สังเกตว่าพวกกบฏเขารู้ และฉลาดในการยืมมือสื่อสร้างความชอบธรรม ฉะนั้น บางอ่านอาจสงสัยว่าตอนกลางวันโล่งๆ ทำไมกองกำลังกบฏทักษิณจึงเผยตัวให้เห็นตอนยิงหนังสติ๊กบ้าง ตอนเข็นยางมาเผาบ้าง ตอนจุดพลุ-จุดตะไลบ้าง ที่ว่าอาวุธร้ายแรงก็แค่ทำระเบิดขวดให้นักข่าว-ช่างภาพบันทึกเป็นภาพไปเผย แพร่
ไม่เห็นมี "กองกำลังไม่ทราบฝ่าย" มือระเบิดเอ็ม ๗๙ มือเอ็ม ๑๖ มือดักสังหาร มือแม่นปืน อย่างที่พูดกันแต่อย่างใด?
นี่ไง...ที่ผมว่า ยุทธศาสตร์ทางสื่อที่พวกกบฏใช้ พวกกบฏจงใจแอคชั่น "ผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธ" มีเพียงหนังสติ๊กเป็นพื้นสู้กับฝ่ายทหารปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์ ตามหน้าจอโทรทัศน์ ตามบรรทัดข่าวที่นักข่าวรายงานออกไป เพื่อสนับสนุนการปลิ้นปล้อนบนเวทีของแกนนำที่ว่า
ผู้ชุมนุมไม่มี อาวุธ-ไม่มีใครตาย, แต่ทหารมีปืน-ประชาชนตาย!
แต่พอมืดค่ำ มันดับไฟหมด เอาล่ะตานี้ มือระเบิด มือซุ่มยิง มือปืน เรียกว่าสารพัดอาวุธสงคราม โจรก่อการร้ายฝ่ายกบฏมันขนออกมาเป็น "มือฆ่ามุมตึก" ทั้งยิงใส่ ทั้งปาระเบิด ทั้งเผา เรียกว่าฆ่าไม่เลือกหน้า พวกทหาร หรือพวกชาวบ้าน "ขอให้ตาย" ถือว่าสะใจกูแล้ว
นั่นคือ ผู้บาดเจ็บและตาย ส่วนหนึ่งมาจาก "มือฆ่ามุมตึก" อันยากที่ช่างภาพ-ช่างกล้องจะจับภาพมาให้เห็นชัดๆ เหมือน "ยิงหนังสติ๊ก" ตอนกลางวันได้ แต่ในข้อเท็จจริงอันเป็นที่ประจักษ์ นักข่าวในภาคสนาม รับรู้ได้ด้วยตา ด้วยวิญญาณนักข่าวถึง "มือฆ่า" ที่อยู่ข้างหลังของมือหนังสติ๊ก!
สมมุติว่ารัฐบาล-ทหารกระหายเลือด จงใจฆ่าคนเผาบ้าน-ทำลายเมืองจริงๆ แล้ว ๗ วัน มีคนตาย ๓๖ คน บาดเจ็บกว่า ๒๐๐ คน ต้องไล่ออกทั้งกองทัพ เพราะแสดงว่าฝีมือและสมรรถภาพห่วยมาก แต่ในข้อเท็จจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น ที่ตาย-เจ็บแค่นั้น เป็นเรื่องน่ายินดี เพราะแสดงชัดว่า
ทหาร-หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ-ล้มตายจนถึงที่สุดแล้ว!
มิคสัญญี เมืองขนาดนี้ รัฐบาล-ทหาร ถนอมชีวิตคนเผาเมืองได้มากกว่าที่คาดว่าน่าจะสูญเสีย เราควรจะมองมุมนี้มากกว่าไปเพ่งเล็งในมุมลบ ถ้าจะเพ่งเล็ง ต้องไปดูเหตุการณ์ที่ตากใบ และที่กรือเซะ ทักษิณสั่งฆ่าทีเดียวร่วมร้อยศพ นั่นเป็นตัวเลขสูญเสียที่ประชาชนเห็นว่า...
ไม่มีเหตุผลที่ต้องสูญเสีย เลย!
หรืออย่างสงกรานต์ที นั่งนับศพกันได้ปีละ ๓๐๐-๔๐๐ ศพ ภายใน ๗ วัน ปีแล้ว-ปีเล่า "ตายนับร้อยทุกปี" แล้วตัวเลขมากมายขนาดนี้มีใครนำความสูญเสียรายปีมาเป็นต้นทุนแก้โจทย์บ้าง?
ฉะนั้น ตัวเลขไม่ใช่คำตอบของคำว่า..ใช่-ไม่ใช่ แต่ตัวเลขนั้นต้องดูว่า "สะท้อนถึงเหตุผล" เช่นใด!?
ผมก็อนุโมทนาที่วุฒิสมาชิกส่วนหนึ่งเป็น "ตัวตั้ง-ตัวตี" ประสานสงบศึก ความจริง แค่แกนนำสั่งสลายการชุมนุมทุกอย่างก็จบ ไม่ต้องไปเกี่ยงงอนให้ทหารเขาหยุดยิง หรือถอนกลับที่ตั้ง
เพราะปกติ ทหารเขาก็ไม่ยิงใครอยู่แล้ว ผิดกับพวกกบฏที่บ้าคลั่ง ดิบ-เถื่อน-โหด ทำร้ายประเทศ ทำลายชีวิตสังคมประชาชาติทั้งเมือง เผายาง-ปิดถนน-ค้นรถ-ค้นโรงพยาบาล-ฆ่ากระทั่งคนกาชาด-ปล้นสะดมร้านค้า-ทุบ ตู้เอทีเอ็ม ฯลฯ
นี่มันพฤติกรรมโจรก่อการร้าย "ปล้นบ้าน-เผาเมือง-ฆ่าประชาชน" มีโทษตาย-โทษตลอดชีวิตเกือบทั้งนั้น แล้วยังจะมีหน้าไปต่อรองให้รัฐบาล-ทหารเขา "หยุดทำหน้าที่" พิทักษ์บ้าน-ปกปักประชาชนอีกหรือ?
"สะพานข้ามเหวนรก" ที่ ส.ว.ทอดให้นั้น เป็นทางสุดท้ายแล้ว ถ้าบรรดา "กบฏฮาร์ดคอร์" ทั้งหลายยังไม่ยึดไว้เป็น "ทางหนีตาย" ผมเกรงว่าจะตายเอาจริงๆ เพราะจะเห็นว่า "รัฐบาล-ทหาร" ถอดเกียร์ถอยหลังทิ้งไปแล้ว พวกคุณมัน "โจรไม่มีสัจจะ" พูดจาเชื่อถือไม่ได้ ฉะนั้น ครั้งนี้กบฏต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
กบฏ-เสียมวล ชน.....
แล้วมีหรือ "รัฐบาล-ทหาร" จะอ่อนข้อ "จากได้" ให้กลายเป็นเสีย!

"ทักษิณ-บิน ลาดิน" หัวหน้าโจรก่อการร้าย?

By thaipost
Created 18 May 2553 - 00:00

ราตรีกาลยิ่งทอดยาว ยิ่งหนาวและฝันร้ายนะครับ ผมคิดว่า นี่ก็ย่างเข้าวันที่ ๖-๗ ของปฏิบัติการ "ศอฉ.ขอคืนพื้นที่" จากพวกกบฏทักษิณแล้ว ฉะนั้น ไม่น่าจะปล่อยให้ยืดเยื้อยาวนานเกิน วันนี้-พรุ่งนี้ ขืนปล่อยนานไป "ข่าวแต่งหน้า" ในโลกสื่อสาร จะทำให้ประชาคมโลกทิ้งน้ำหนักไปทางกบฏทักษิณ ด้วยมุมมองว่า "ประชาชนน่าจะหนุนกลุ่มกบฏมากกว่าสนับสนุนรัฐบาล" ทหารจึงเอาไม่อยู่
การขีดเส้นตายของ ศอฉ.นั้น-ขีดได้ แต่ขีดจนเปรอะ แล้วไม่มีผลอะไร ระวัง...มันจะกลายเป็น "เส้นตายตัวเอง"!
อย่าว่าแต่ ประชาคมโลกเลยครับ ประชาคมไทยก็เถอะ ขืนลากสถานการณ์นานไป คนจะหน่าย อึดอัด และพาลเกลียดรัฐบาล-ทหาร-ตำรวจ ที่เอาเข้าจริงก็ช่วยอะไรไม่ได้อย่างที่ใจเคยหวัง แล้วลงท้าย ความคิดสังคมก็จะตีกลับเชิงประชด
"เมื่อปราบไม่ได้ ก็ยกประเทศให้ฝ่ายกบฏทักษิณไปก็หมดเรื่อง บ้านเมืองจะได้สงบเสียที!"
ผม สะท้อนความรู้สึกของคนระดับชาวบ้านที่สื่อสารถึงผม ให้รัฐบาลและ ศอฉ.ได้ทราบ ส่วนตัวผมนั้น ก็เข้าใจในความยาก-ง่าย และขีดจำกัดหลายๆ อย่างในการทำงาน แต่จะยกเหตุนั้นไปอ้างกับชาวบ้านเขา มันก็อ้างได้ แต่จะให้เขาเข้าใจนั้น...มันยาก เพราะชาวบ้านตกอยู่ใน "สถานการณ์นรก" ด้วยตัวเขาเองจริงๆ
ก็ขอให้การเจรจาของฝ่ายรัฐกับฝ่ายกบฏที่ทำกันทั้ง ลับ-ทั้งแจ้งมาหลายวัน "ลงตัว" เสียที ยอม-ก็สลายม็อบกันไปเลย แต่ถ้าไม่ยอมจะปล่อยให้โยกโย้ "ซื้อเวลา" สะสมคนเจ็บ-คนตายเป็นสถิติไปทีละวันอย่างนี้ไม่ได้
ทหาร-ตำรวจ ควรเข้าสลายทันที!
สถานการณ์ถึงตอนนี้ ในภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า "เสียจนไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว" ฉะนั้น จะมารีรออะไร เสีย-เมื่อแลกกับได้ที่ไม่เยิ่นเย้อ มันก็พอคุ้มมิใช่หรือ?
ที่ว่าเสีย นั้น ไม่ใช่พวกกบฏ หรือตัวหัวหน้ากบฏที่นั่งกระดิกตีน "ต่อสาย-สั่งการ" มาจากมอนเตเนโกรบ้าง ดูไบบ้างที่เสีย แต่เป็น "ประเทศไทย-คนไทย" ตะหาก ประเทศป่นปี้ หัวใจถูกย่ำยีแหลกสลาย นับต่อแต่นี้ไทยจะเป็นไทยที่...ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
สังเกตดูเถอะ แต่ละมุก-แต่ละเม็ดในการต่อรองของพวกกบฏ ถูกกำหนดและสั่งมาจากนายใหญ่ทั้งสิ้น อย่างที่เดินเกม-เดินแต้มประสานกันล่าสุดตอนนี้ ทั้งคนกบฏ ทั้งพรรคกบฏ และทั้งนักวิชาการกบฏ เดินไปในแผนเดียว-จุดเดียวกัน คือ
ดึง UN ให้เป็นเจ้าเข้าครองประเทศ!
UN ที่ทักษิณเคยบอกว่า "ไม่ใช่พ่อ" นั่นแหละ แต่ตอนนี้ นับถือเป็นพ่อขึ้นมาแล้ว สั่งให้จตุพร-ณัฐวุฒิ ปากแข็ง-ตูดนิ่มยืนกรานกับฝ่ายรัฐบาลอยู่นั่นแหละว่า "ยอมเจรจา แต่ว่าต้องให้ UN เข้ามาเป็นคนกลาง"
ไอ้คนอย่างนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ใครซื้อก็พร้อมขาย ก็ดูซี...ขนาดประเทศชาติแท้ๆ เพื่อตัวมัน มันบังอาจ ไม่ละอาย เอาประเทศไปขายให้ UN หน้าตาเฉย!
ไอ้แผนดึง UN เข้ามา ก็คงจากคำแนะนำพวกบริษัททนาย บริษัทที่ปรึกษาทักษิณในต่างประเทศนั่นแหละ เป็นการเบิกช่องทาง-สร้างเงื่อนไขเพื่อการต่อสู้คดี เพราะมีแต่ช่อง UN ช่องเดียวเท่านั้นที่โลกใบนี้จะเหลือ "รูลอด" ให้ทักษิณได้ซุกหัวอยู่ เนื่องจากยุค "สื่อสารครองโลก" ขณะนี้ เจ้าระบบสื่อสารที่ตัวเองใช้เป็นเครื่องมือทำลายประเทศชาตินั่นแหละ มันกำลังย้อนสนองตัวเอง
ทักษิณ ชินวัตร สู่ระดับ บิน ลาดิน แล้ว!
ก็ ด้วยจาก "สื่อสารครองโลก" เหตุการณ์ที่เกิด คำพูดผ่านวิดีโอลิงค์-โฟนอิน และคำให้การสมุนในเมืองไทย โดยเฉพาะจากเสธ.แดง ระบบสื่อสาร มันทำให้คนดู-คนฟัง ประมวลเรื่องและรวบรวมให้เห็นภาพได้ว่า
ทักษิณนั่น แหละ "หัวหน้าก่อการร้ายในไทย"!?
ที่ยกตัวเองไปเทียบ เนลสัน แมนเดลา บ้าง มหาตมะ คานธี บ้างนั้น คนทั้งโลกฟังแล้วหัวเราะ และ...ถุ้ย!
ลอง เรียบเรียงดู หลังเหตุการณ์กบฏแผ่นดิน มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายซุ่มสังหารนายทหาร วินาศกรรมเมือง กระทั่งยิงเอ็ม ๗๙ หวังระเบิดคลังน้ำมัน
ล่าสุด จากปากของ "พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล" ที่ประกาศเมื่อ ๙-๑๐ พ.ค.ก่อนถูก "มือลึกลับ" ใกล้ตัว ประกบจ่อยิงศีรษะเสียชีวิตทิ้งปริศนา "ใครสั่งฆ่า" คนไกล...หรือใกล้ตัว
เส ธ.แดงประกาศ ไม่เอาแผนปรอง ค้านวีระเจรจาสลายชุมนุมกับรัฐบาล แล้วตัวเองประกาศ ประสานแกนนำกบฏในต่างจังหวัด จะยึดเวทีเป็นหัวหน้าแกนนำชุมนุมต่อ
....ผมรับคำสั่งตรงจาก พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียว!?
บทบาทคลุมเครือเสธ.แดงที่ให้ภาพพัวพันทั้ง "กองกำลังไม่ทราบฝ่าย" และทั้งภาพเปิดเผย "หัวหน้าการ์ด นปช." รวมถึงผู้ฝึกสอนกองกำลังทหารเสือพระเจ้าตาก ในรอบ ๒-๓ ปี เมื่อถูกประชาคมโลกนำแต่ละภาพมาเป็นจิ๊กซอว์ ก็พอดีมาบรรจบกับคำสารภาพสุดท้ายของเสธ.แดงเองว่า "ทำงานรับคำสั่งตรงจากทักษิณ"
ภาพ "ทักษิณ-หัวหน้าก่อการร้าย" ที่ชักใยปฏิบัติการอยู่ในเมืองไทย...ชัดเป๊ะ!
ยิ่ง ศอฉ.ออกมาประกาศว่า เหตุการณ์ในเมืองไทยประจักษ์ชัดว่ามี "กองกำลังไม่ทราบฝ่าย" คละเคล้าอยู่กับผู้ชุมนุมสันติ-อหิงสาจริง และการก่อวินาศกรรม การซุ่มสังหารนายทหาร การวินาศกรรม และปฏิบัติการต่อต้านกำลังรัฐ นี่..มันครบ "องค์ประกอบ" ของการเป็นปฏิบัติการ "ผู้ก่อการร้าย" ชัดแจ้ง!
และ นั่นก็คือ "ทักษิณ-หัวหน้าก่อการร้าย" เทียบชั้น บิน ลาดิน แต่ชั้นเลวกว่า บิน ลาดิน ก็ตรงที่ บิน ลาดิน ทำลายที่อื่น-คนอื่น-ประเทศอื่น ไม่ทำลาย และไม่ทำร้ายประเทศตัวเอง พี่น้องร่วมชาติตัวเอง ซึ่งเป็นหน้ามือกับหลังเท้า เพราะ....
ทักษิณ...ทำทุกอย่างที่ "บิน ลาดิน" ไม่ทำกับชาติของเขา!
ด้วยภาพ "หัวหน้าขบวนการก่อการร้าย-ชั้นเลว" ของทักษิณ อันประจักษ์ต่อชาวโลกเวลานี้ จึงทำให้พื้นที่ในการหยั่งเท้าของทักษิณเหลือน้อยเต็มทน และเท่าที่มีให้ยืน ก็ต้องยืนแบบเขย่งเท้า-แขม่วท้อง ถูกห้ามใช้พื้นที่ประเทศนั้นๆ เป็น "ฐานบัญชาการ" ก่อการร้ายข้ามชาติ
การ ให้พรรคเพื่อไทย ส.ส.เพื่อไทย และแกนนำกบฏ ประสานเสียง-ชูประเด็น ให้ UN เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศ ก็คือแผนการดึง UN มาเป็นขอนไม้ให้เกาะเท่านั้น เมื่อเหลือตาเดินไม่มาก ตัวเองก็...หางโผล่ โดยให้บริษัทที่ปรึกษากฎหมายในต่างประเทศออกแถลงการณ์ "ประสานเสียง" กับกลุ่มกบฏเมื่อวานนี้ (๑๗ พ.ค.๕๓) มีข้อความว่า
"ผมขอเรียกร้องให้สห ประชาชาติเข้ามาเป็นคนกลางในการเจรจาในทันที สหประชาชาติไม่ควรถูกกดดันให้นิ่งเฉย โดยนายกรัฐมนตรีที่ไม่เข้าใจว่าสิทธิในการมีชีวิตอยู่เป็นหลักสากลที่ทำให้ พวกเราทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน"
ความจริงน่ะ ถ้าทักษิณต้องการร้องขอความช่วยเหลือกับองค์กรระหว่างประเทศ ด้วยความหวังดีกับคนไทย-ประเทศไทยจริงๆ ละก็ ควรไปร้องกับ "มูลนิธิแก้ไขปัญหาโลกร้อน" จะถูกที่-ถูกทางมากกว่า เพราะสิ่งที่พวกกบฏทักษิณทำขณะนี้คือการเผายางรถยนต์ นั้น มันสร้างควันดำเป็นมลพิษคลุมโลกมา ๓-๔ วันแล้ว
ผมไม่เข้าใจ พวก ส.ส.-ส.ว. พวกนักวิชาการบางคน กระทั่งพวก "ผีผสมแดก" ในพรรคร่วมบางพรรคก็ดี เรียกร้องแต่ว่า รัฐบาล-ทหาร-ตำรวจ อย่าใช้ความรุนแรง ให้รัฐบาลใช้วิธีเจรจา กระทั่งว่า ให้รัฐบาลยุบสภา-ลาออกไปเลย แล้วปัญหาจะจบ
ทำไมไม่มองถึงต้นเหตุล่ะว่า ใครคือตัวสร้างปัญหา และใครคือฝ่ายใช้ความรุนแรง และทำไมไม่พูด-ไม่บอกล่ะว่า "ต้นปัญหาคือพวกกบฏนั่นแหละ ควรสลายการชุมนุมที่เกินกรอบกฎหมาย สั่งให้กองกำลังไม่ทราบฝ่ายหยุดเผาเมือง แล้วมานั่งโต๊ะเจรจากับรัฐบาลที่เขารออยู่?"
จากข้อมูลข่าวสาร เบื้องหน้า-เบื้องหลัง และเบื้องลับ ของเหตุการณ์ต่างๆ ที่ค่อยๆ ไหลออกสู่สาธารณะในยุค "สื่อสารครองโลก" ขณะนี้ มันยิ่งสนับสนุนความคลางแคลงสงสัยที่ซ่อนอยู่ในใจสังคมมานานให้ชัดขึ้นว่า ในขบวนการก่อการร้าย อันมีคำว่า "กองกำลังไม่ทราบฝ่าย" เป็นตัวลงมือนั้น
รูป แบบปฏิบัติการมันฟ้องว่า นี่คือการสนธิกันระหว่าง "ตำรวจ-ทหารในราชการ กับ ตำรวจ-ทหารนอกราชการ" กลุ่มหนึ่ง!?
จะกลุ่มไหน-ใครเป็นใคร น่าจะไปค้น "คำสั่ง ศอฉ." ที่ ๔๙/๒๕๕๓ ที่ออกเมื่อวันที่ ๑๖ พ.ค.เรื่อง "ตัดท่อน้ำเลี้ยง" สั่ง ๑๐๖ คน ต้องรายงานการทำธุรกรรมทางการเงินมาดูว่า...มีใครบ้าง?
และที่ควรสังเกต ไว้ คำสั่ง "ตัดท่อน้ำเลี้ยงกบฏ" คำสั่งนี้ คนที่ลงนามท้ายคำสั่งคือ..."พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา" หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน!!!!!
ครับ...ต้องถือว่า เป็นคำสั่งที่กรวดน้ำคว่ำขัน "ผีไม่เผา-เงาไม่เหยียบ" ตัดเป็นตัดตายกันไปเด็ดขาด ระหว่างเส้นทางสาย "ทักษิณ" กับเส้นทางสาย "อนุพงษ์"
จะพูดว่า นี่คือการชี้ขาด "ชีวิตทหาร-ชีวิตการเมือง-ชีวิตคนแก่หลังเกษียณ" ว่า พลเอกอนุพงษ์ ตัดสินใจเลือก "ทางไหน-เป็นทางเดิน" หลังเดือนกันยายน ๒๕๕๓ เป็นต้นไป นี่มันก็....ชัดเจนแล้ว!
"หลังเสือ" จำต้องเป็นที่อยู่ "หลังเกษียณ" ของพลเอกอนุพงษ์
"ยากหนี" เสียแล้ว!?

Sunday, May 16, 2010

แช่แข็งท่อน้ำเลี้ยง 106บัญชีห้ามทำธุรกรรม!/ซากศพ'ทรท.-แดง'เต็มพรึ่บ

By thaipost
Created 17 May 2553 - 00:00

ศอฉ.บี้ระบอบทักษิณ ตัดท่อน้ำ เลี้ยงม็อบแดง สั่งอายัดบัญชีเครือข่ายแม้ว ห้ามทำธุรกรรมทางการเงินทั้ง 93 บุคคล และ 13 นิติบุคคล เรียกข้อมูลจากสถาบันการเงินระหว่าง 1 ก.ย.52-17 ก.ย.53 สั่งรายงานในวันที่ 20 พ.ค. เปิดรายชื่อบิ๊กทั้งนั้น "ครอบครัวชินวัตร" โดนเรียบ อดีต ส.ส.ไทยรักไทยเป็นบัญชีหางว่าว "ยุทธตู้เย็น-เสี่ยเพ้ง-สันติ-เจ๊หน่อย-พงศ์ เทพ" พ่วงอดีตประธานวุฒิฯ "สุชิน"
ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มีมาตการใหม่เพื่อให้การชุมนุมของคนเสื้อแดงยุติลง ด้วยการสั่งระงับธุรกรรมทางการเงินของนิติบุคคลและบุคคลที่มีการตรวจสอบพบ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุม
นายถวิล เปลี่ยนสี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน แถลงข่าวว่า ศอฉ.ได้มีคำสั่งห้ามไม่ให้กระทำการใดๆ เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงิน หรือดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคลหรือนิติบุคคลเท่าที่จำเป็นแก่การ รักษาความมั่นคงของรัฐ ตามที่นายกฯ ได้ประกาศที่มีความร้ายแรงแล้วยังมีพฤติกรรมของการก่อการร้าย มีการใช้กำลังประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกายและทรัพย์สิน และมีเหตุอันเชื่อได้ว่า มีการกระทำที่รุนแรงมีผลกระทบต่อความมั่นคง
เลขาธิการ สมช.บอกว่า อาศัยมาตรา 11 ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประกอบกับคำสั่งนายกฯ เรื่องการแต่งตั้งผู้รับผิดชอบ จึงมีคำสั่งห้ามมิให้สถาบันการเงินตามกฎหมาย ว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินธนาคารตามที่ได้มีการจัดตั้งขึ้น โดยเฉพาะบริษัทหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ บริษัทประกันชีวิตตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต และบริษัทประกันวินาศภัยตามกฎหมายที่ว่าด้วยวินาศภัย
และสหกรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ นิติบุคคลที่อนุญาตให้ประกอบธุรกิจ เกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินต่างประเทศตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยน เงิน นิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ทำนิติกรรม สัญญา หรือดำเนินการใดๆ ทางการเงินทางธุรกิจ หรือดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินกับบุคคลหรือนิติบุคคลตามบัญชีรายชื่อแนบ ท้ายคำสั่งนี้ มีรายชื่อบุคคลและนิติบุคคล 106 รายการ 13 รายการเป็นรายชื่อนิติบุคคล ส่วนที่เหลือนั้นเป็นรายชื่อของบุคคล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีคนจะฝากเงิน 500 บาท จำเป็นต้องมาแจ้งให้ ศอฉ.ทราบด้วยหรือไม่ นายถวิลตอบว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น ส่วนเรื่องจำนวนเงินนั้นเป็นไปตามที่ กำหนด และการที่ดำเนินการทางธุรกรรมนั้นคนที่เป็นเจ้าของจะต้องมาแจ้งให้ทาง ศอฉ.รับทราบ
ถามว่า ที่มีประกาศออกมาแสดงว่ามีการตรวจสอบแล้วว่ามีเงินไหลเข้ามาจำนวนมากใช่หรือ ไม่ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ตอบว่า เมื่อได้ข้อมูลจากสถาบันการเงินมาแล้ว ก็คงจะมีความชัดเจนมากกว่านี้ ขณะนี้ต้องรอดูรายงานสถาบันการเงินก่อน ซึ่งเวลาที่ ศอฉ.กำหนดไว้ก็คงจะไม่นานเกินไป เพราะเป็นการกำหนดในเรื่องของการทำธุรกรรมทางการเงินตั้งแต่ 1 ก.ย.52-17 ก.ย.53 โดยกำหนดให้ส่งรายงานในวันที่ 20 พ.ค.53 โดยจะส่งรายงานเข้า ศอฉ. ทั้งนี้จะมีการพิจารณาร่วมกันหลายหน่วยงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรการดังกล่าวถือเป็นการตัดเส้นทางการเงินหรือไม่ นาย ปณิธานกล่าวว่า ต้องดูก่อน เพราะมีหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องและกระเทือนต่อความมั่นคงในการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉิน จะมีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่เฉพาะกิจกรรมชุมนุมอย่างเดียวเท่า นั้น มันมีอีกหลายเรื่องที่จะเชื่อมโยงกับทางเครือข่าย โดยเรื่องที่อายัดจะเกี่ยวข้องกับความมั่นคง
สำหรับนิติบุคคล เกือบทั้งหมดเป็นบริษัทในเครือข่ายของตระกูลชินวัตร เช่น บริษัท ประไหมสุหรี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด, บริษัท เอส ซี เค เอสเทค จำกัด, บริษัท เอสซี ออฟฟิศ ปาร์ค จำกัด, บริษัท เอสซี ออฟฟิศ พลาซ่า จำกัด เป็นต้น
ส่วนบุคคลนั้นทั้งหมดคือคนในระบอบทักษิณ อาทิ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร, คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ดามาพงศ์ หรือ ณ ป้อมเพชร, นายพานทองแท้ ชินวัตร, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร, น.ส.พินทองทา ชินวัตร, น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์, นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์, นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์, นางกาญจนาภา หงษ์เหิน, นายชูชาติ หาญสวัสดิ์
นายการุณ โหสกุล, นายนพดล ปัทมะ, นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา, นายสันติ พร้อมพัฒน์, นายประชา ประสพดี, นายไชยา สะสมทรัพย์, นายยงยุทธ ติยะไพรัช, นายสุทิน คลังแสง, นายพายัพ ชินวัตร, พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก, นายสุชน ชาลีเครือ และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล เป็นต้น (รายละเอียดหน้า 4)
สำหรับอดีต ส.ส.ไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ซึ่งไม่ได้เป็นแกนนำ นปช.พบว่าส่วนใหญ่ต่างเดินทางมาที่เวทีราชประสงค์และที่ผ่านฟ้าฯ อย่างต่อเนื่องหลายวัน โดยหลายคนมีพฤติการณ์ชัดเจนว่าเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ในการเคลื่อนไหว ทั้งจัดหาตั้งเต็นท์เสื้อแดงจำนวนมากมาตั้งถาวรตลอดเส้นทางการชุมนุม ดูแลเรื่องการส่งอาหารมาให้ผู้ชุมนุม ออกค่าใช้จ่ายในการชุมนุม เช่น ค่าเวที ค่าน้ำมันในการขนคนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุม ช่วยออกค่าใช้จ่ายในเรื่องเงินค่าจ้างให้กับการ์ด นปช.
ซึ่งคนสำคัญๆ ที่น่าสนใจก็เช่น นายสาโรจน์ หงษ์ชูเวช ซึ่งรู้กันดีว่าได้รับมอบหมายจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้เป็นคนดูแลเรื่องเงินทองและค่าใช้จ่ายต่างๆ ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งนายสาโรจน์ทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย จนมาถึงพลังประชาชนและเพื่อไทย เสมือนกับคนถือเงินของคนในตระกูลชินวัตร โดยนายสาโรจน์ได้มาปรากฏตัวที่หลังเวทีเสื้อแดงเกือบทุกวัน ทว่าระยะหลังหายหน้าไป ส่วนใหญ่จะอยู่ที่พรรคเพื่อไทยเป็นหลัก เพราะเป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย
หรือ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ซึ่งก็เดินทางมาที่เวทีราชประสงค์ในช่วง 19.30 น.หลังทราบข่าวถูก ศอฉ.สั่งระงับการทำนิติกรรมทางการเงินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนนายสุชน ชา ลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา ก็เดินทางมาที่หลังเวทีหลายครั้ง แต่ไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัย ส่วนนายสงคราม เลิศกิจไพโรจน์ อดีต รมช.พาณิชย์ ก็เป็นเจ้าของห้างอิมพีเรียลเวิลด์ลาดพร้าว ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล
อย่างไรก็ตาม หลายคนก็พบว่าระยะหลังไม่ได้มีข่าวว่าติดต่อหรือให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่อย่างใด อาทิ นายพันธ์เลิศ ใบหยก เจ้าของห้างใบหยกสอง ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากการชุมนุมครั้งนี้ ซึ่งระยะหลังไปเป็นนายทุนให้ พรรคเพื่อแผ่นดิน หรือนางพิมพา จันทร์ประสงค์ อดีต ส.ส.นนทบุรี ก็เปิดตัวชัดเจนว่าจะลงสมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย อีกทั้งปัจจุบันก็มีลูกชายเป็น ส.ส.นนทบุรี พรรคภูมิใจไทย อยู่ด้วย
ขณะที่กลุ่มเพื่อนร่วมเตรียมทหารรุ่น 10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูก ศอฉ.มีคำสั่งครั้งนี้ ที่น่าสนใจ คือ พล.ท.มนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 ปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย รวมถึง พล.ท.พฤณฑ์ สุวรรณทัต ส่วนนายประชัญ หรือ ฌอน บุญประคอง คือผู้ทำหน้าที่เป็นคนแปลการแถลงข่าวของแกนนำ นปช.ทุกครั้งเป็นภาษาอังกฤษให้กับสื่อต่างชาติ
ขณะที่บริษัทต่างๆ ที่ถูกคำสั่งดังกล่าวพบว่าล้วนเป็นบริษัทนิติบุคคลในเครือชินวัตร-ดามา พงศ์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและถือหุ้นอยู่ ที่เคยถูก คตส.อายัดทรัพย์ในคดียึดทรัพย์เกือบทั้งสิ้น.

“อ๊อฟ พงษ์พัฒน์” ลั่นกลางเวทีนาฏราช พร้อมพลีชีพเพื่อพ่อ ใครไม่รัก “ในหลวง” ออกไป! (ชมคลิปวิดีโอ)

เสธ.แดงลาโลกแล้ว หลังแพทย์ระดมยื้อเต็มกำลัง 3 วัน

ประวัติ เสท. แดง

Friday, May 14, 2010

เชิญร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีบูรณะปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์-สาธารณรัฐอินเดีย 28 พ.ค. 2553

ย้อนคดี ธัมมชโย ยักยอกทรัพย์วัดพระธรรมกาย อัยการตัดตอนถอนฟ้อง

แดงไม่ไป "อภิสิทธิ์-อนุพงษ์" ใครควรไป?

By thaipost
Created 12 May 2553 - 00:00

ผมได้รับกล่องกระดาษที่จัดทำประณีตจาก "ชมรมคนรักวัง" กล่องหนึ่ง วังในที่นี้คือ "พระราชวังพญาไท" ภายใน "โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ" ที่ไปเยี่ยมทหารบาดเจ็บกันมานั่นแหละ หน้ากล่องมีข้อความว่า "ท่านเจ้าคุณนรฯ สอนอะไร?" เปิดดูก็พบ "พระผงเจ้าคุณนรรัตนฯ" พร้อมข้อความ "กตัญญูกตเวทีเป็นรากแก้วของคนดี" และกระดาษพิมพ์รูปท่านพร้อมธรรมวจนะ "ทำดี ดีกว่าขอพร ใครทำกรรมดี ผลของความดีก็คุ้มครองอยู่แล้ว สิ่งอื่นนั้นไม่ใช่เนื้อแท้ของพุทธศาสนา"...ธมฺมวิตกฺโก
ผมห้อยเหรียญ "ท่านเจ้าคุณนรฯ" อยู่แล้ว เมื่อจู่ๆ ได้รับ "พระผงเจ้าคุณนรรัตนฯ" อีกตั้ง ๒ องค์ ก็ดีใจมาก พลิกดูเอกสารกำกับ ทราบว่า "ชมรมคนรักวัง" ได้นำมวลสารวัดเทพศิรินทราวาสที่ "สมเด็จพระญาณวโรดม" อดีตเจ้าอาวาสเก็บรวบรวมไว้กว่า ๕๐ ปีมาจัดพิมพ์ขึ้น
มวลสารมีทั้งเกศา จีวร และผงของท่านเจ้าคุณนรฯ พร้อมด้วยเกศา จีวร ของอริยสงฆ์อีกหลายรูป เช่น "หลวงปู่อำพัน" เป็นต้น และพุทธาภิเษกตั้งแต่วันจันทร์ที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ พอดีปีนี้ "พระราชวังพญาไท" อันเป็นพระราชฐานที่ประทับถาวรของ "พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว" รัชกาลที่ ๖ ครบรอบ ๑๐๐ ปี
ทาง "ชมรมคนรักวัง" ก็นำพระผงรูปเหมือนท่านเจ้าคุณนรฯ ออกเผยแพร่ เข้าใจว่าเจตนาเพื่อหาทุนสมทบ "มูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไท" ที่กำลังคืนอดีตสู่ปัจจุบันด้วยการซ่อมแซมสู่ดังเดิม นอกจากเป็นการอนุรักษ์แล้ว ยังเพื่อการท่องเที่ยว และการศึกษาในรูปแบบพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ด้วย
วันเสาร์ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓ นี้ จะมีการบำเพ็ญพระกุศล ณ พระที่นั่งพิมานจักรี พระราชวังพญาไท ในวาระครบ ๑๐๐ ปี แต่ผมเห็นว่าเป็นโอกาสดี เพราะปัจจุบันนี้ยากยิ่งที่จะได้ "พระผงรูปเหมือนท่านเจ้าคุณนรฯ" ไว้เป็นมงคลชีวิต เป็นเครื่องกระตุ้นเตือนจิตถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ
ไม่ มีการแจ้งรายละเอียดเพื่อการนี้ แต่คาดว่าหลายท่านสนใจจึงนำมาบอก ลองสอบถามไปที่ "ชมรมคนรักวัง" ภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ นั่นแหละ หรือโทร.เบอร์ ๐-๒๓๕๔-๗๗๓๒ และเบอร์ ๐-๒๒๕๔-๗๙๘๗ สอบถามดู จะมอบให้ หรือสำหรับสมนาคุณท่านที่สมทบทุนซ่อมแซมพระราชวัง ก็จะได้ทราบกัน
"ท่าน เจ้าคุณนรฯ" คืออดีตผู้ถวายการรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท "พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว" รัชกาลที่ ๖ เป็นทั้งองคมนตรี และที่ปรึกษาราชการในส่วนพระองค์ หลังจากล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ สวรรคตแล้ว ด้วยความจงรักภักดีสูงสุด ท่านเจ้าคุณนรฯ หยิบหญ้าแพรกมาเคี้ยว แล้วประกาศว่า
"เมื่อสิ้นในหลวงแล้วจะไม่ง้อใคร กินหญ้าก็ไม่ตาย"
จาก นั้นท่านก็ไปบวชอยู่วัดเทพศิรินทราวาส คร่ำเคร่งปฏิบัติธรรมอยู่ ๔๕ พรรษา "อาจารย์ดวงใจ ภรณวลัย" หมอดูไพ่ยิปซีที่ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร "๑ เดียวในประเทศไทย" เคยเล่าให้ฟังว่า ตอนเด็กๆ แม่พาไปดักอยู่ข้างกุฏิ รอเวลาท่านออกจากกุฏิไปลงพระอุโบสถ คนเยอะแยะ รอกราบท่านอย่างเดียวเท่านั้น
ท่าน ไม่ยุ่ง ไม่สุงสิง ไม่คละเคล้ากับหมู่ญาติโยมคนไหน วันๆ ปิดกุฏิบำเพ็ญสมณธรรม จะเปิดออกมาก็ตอนเดินไปลงโบสถ์ทำวัตรเช้า-เย็นเท่านั้น จนเป็นที่กล่าวขานในหมู่อริยสงฆ์ว่าท่านเป็น "พระอรหันต์ในเมืองกรุง" และมรณภาพเมื่อ ๘ ธ.ค.๑๔
อาจารย์ดวงใจคุยอวดด้วยว่า "เป็นคนเดียวที่ท่านเจ้าคุณนรฯ กรอกน้ำมนต์ให้" จากนั้น พอโตขึ้นจะไปทำธุรกิจอาชีพอะไรก็ดูไม่ลงตัวซักอย่าง นอกจากนั่งพูด..พูด..พูด..อย่างเดียวทั้งวัน จนทุกวันนี้ งานคือ "การนั่งพูด" ทั้งวันเหมือนเดิม เพียงแต่จำกัดคน-จำกัดเวลาลงหน่อย เพราะจะ ๘๐ ปีแล้ว!
ก็พูดผ่านการ "เปิดไพ่" บอกลายแทงชีวิตนั่นแหละ!
เอ้า..คุย แล้วก็ยาว เดี๋ยวจะไม่เหลือเนื้อที่ "คุยเรื่องเครียด" ประจำวัน ในที่สุดก็เป็นอย่างที่คนส่วนใหญ่คาดคือ แกนนำกบฏ "เบี้ยว" อีกตามเคย เปลี่ยนจาก "คนเลี้ยงควาย" ไปเป็น "เด็กเลี้ยงแกะ" แหม...ทำขึงขังเหมือนดาราใหญ่เข้าฉาก ประกาศเข้าสู่กระบวนการปรองดอง
"สุ เทพไปมอบตัววันไหน กลับบ้านวันนั้น"!
สุเทพก็เชื่องและเชื่อง่ายดีเหลือ เกิน อยากจะให้พวกเสื้อแดงเลิกชุมนุมกลับบ้านกันไปเสียที ขมีขมันไปรายงานตัวที่ DSI ตั้งแต่ผมยังไม่ตื่น แต่ลงท้ายพวกแกนนำกบฏแดงถลกตูดให้ ทำเฉไฉ อ้างอย่างโน้น-อย่างนี้ สรุปง่ายๆ ว่า...พวกข้าจะชุมนุม "ยึดราชประสงค์" อยู่ต่อโว้ย!
"อย่าเอาใจวิญญูชน ไปวัดใจโจร" มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ แถลงการณ์เป็นตุ-เป็นตะ ไม่เพียงรับรู้เฉพาะในเมืองไทย คนทั้งโลกที่ติดตามสถานการณ์เขาก็รู้ว่า "กบฏทักษิณประกาศยอมปรองดอง เลิกชุมนุมแล้ว"
แต่พอเช้าวันรุ่งขึ้น จากราชสีห์สะบัดแผงคอเย็นวาน กลายเป็นหมาขี้เรื้อนสะบัดหางไปซะงั้น!?
ฝ่าย รัฐบาลเขาไม่เสียหรอกนะ เพราะเขาอดทน อดกลั้นอยู่ในถังเกลือ พยายามใช้การประนีประนอมแทนการปราบปรามด้วยกำลังจนถูกด่า และถูกชมขรมไปหมดแล้ว แต่ฝ่ายกบฏนั่นแหละมีแต่เสีย จนถึงขั้นบูด-เน่าเหม็น
โจร ตระบัดสัตย์นั่นไม่แปลก แต่การทำเช่นนี้ ทำให้สิ่งที่คลุมเครือเด่นชัดในความจริงขึ้นว่า ที่แท้ เจตนาชุมนุมนั้น ไม่ใช่เรียกร้องประชาธิปไตย เพราะรัฐบาลสนองตอบให้แล้ว ตัวเองกลับเตะทิ้ง
มัน ก็ "หางโผล่" ในเชิงตรรกะซีว่า ชุมนุมสันติ-อหิงสา กับพวกโจรก่อการร้าย...ที่แท้...มันก็พวกเดียว-กลุ่มเดียวกัน!
เจตนากบฏ บ้าน-กบฏเมือง หวัง "ล้มสถาบัน-เปลี่ยนระบอบ" ด้วยกัน!!
ถึงวันนี้ด้วย การกระทำตัวเอง ฉากหน้าที่ฉาบทาว่า ชุมนุมสันติ-อหิงสา มาเรียกร้องประชาธิปไตย นั้น มันหลุดลอกเห็นลายแท้และดั้งเดิมแล้ว มันเป็นความเสียหายที่จะนำมาซึ่ง "ผลร้าย" กับตัวเองโดยตรง ชาวบ้านที่มาชุมนุมด้วยบริสุทธิ์ใจ จากที่คลางแคลงใจ ตอนนี้เชื่อเลยว่า
"ถูก หลอกมาเป็นเครื่องมือโจรล้มชาติ-ล้มสถาบันจริงๆ"!
แรกๆ ชาวโลกรู้ฉาบฉวยด้วย "เท็จเป็นจริง" จากฝ่ายแดงที่ปั้นแต่งขึ้นบ้าง จากบริษัทสื่อในต่างประเทศที่ทักษิณจ้าง "ปั้นความจริงเทียม" ออกเผยแพร่ผ่านสื่อทุกระบบบ้าง แต่เมื่อชาวโลกเห็นชัดๆ คาตา-คาหู จากภาพ-ข่าวเหตุการณ์สดๆ โม่งดำฆ่าทหารเมื่อคืนวันที่ ๑๐ เมษาก็ดี บึ้มสีลมฆ่าประชาชนก็ดี ซุ่มยิงทหารที่วิภาวดีรังสิตก็ดี บุกโรงพยาบาลจุฬาฯ และสภากาชาดไทย จนต้องปิดโรงพยาบาล ย้ายคนไข้ก็ดี
นี่ มันการกระทำของขบวนการ "โจรก่อการร้าย ๑๐๐%"!
แล้วตัวเองบอก "เลิกชุมนุม" เข้าสู่กระบวนการปรองดองตอนเย็น แต่พอรุ่งขึ้นเช้าบอก...ไม่เลิก แล้ว...ชุมนุมต่อ ก็เลยชัด เป็นที่สิ้นสงสัยด้วยประการทั้งปวงว่า....อหิงสากับมือฆ่า-มือปาระเบิดคือ "โจรก่อการร้าย" กลุ่มเดียวกัน
เมื่อเป็น "โจรก่อการร้าย" ยึดชัยภูมิกลางกรุงตั้งค่าย-ตั้งแคมป์ปฏิบัติการ จึงไม่มีปัญหาอะไรที่ "ตำรวจ-ทหาร" จะใช้กำลังและอาวุธเข้าปราบปรามให้สิ้นซาก!
แต่ที่ไม่มี การใช้อำนาจทางกฎหมายเข้าจัดการให้เด็ดขาด เขาพูดกันว่า ๑.ตำรวจ-ทหาร "บางส่วน" เป็นใจ ๒.สั่งแล้ว แต่บิ๊กกองทัพ-บิ๊กตำรวจไม่ขยับ-เขยื้อน ๓.ทั้งรัฐบาลและสังคมโลกไม่ต้องการให้ใช้ความรุนแรง ๔.สลายการชุมนุมเกรงชาวบ้านจะล้มตาย ๕.ตำรวจ-ทหารกลัวปะทะ เพราะเชื่อว่าในวงชุมนุมซุกซ่อนอาวุธร้ายแรงไว้เยอะ และ
๖.ขณะนี้ รัฐบาลเป็น "รัฐบาลที่ล้มเหลว" เนื่องจาก "สูญเสียอำนาจบริหาร-สั่งการไปแล้ว"!?
นี่คือสิ่งที่เขานินทากันอยู่ ฉะนั้น ตอนนี้ ฝ่ายกบฏ-ถือว่าเสียความชอบธรรมในการชุมนุมทั้งปวงแล้ว และฝ่ายรัฐบาล โดย ศอฉ.มีความชอบธรรม ๑๐๐% ในการปราบปรามโจรก่อการร้ายแล้ว
เพื่อ พิสูจน์และลบคำนินทา ข้อครหาทั้งปวง รัฐบาลโดย ศอฉ.มีเวลา "ช้าที่สุด" ถึงวันเสาร์ที่ ๑๕ พฤษภานี้เท่านั้น ที่จะ...
- พิสูจน์ให้รู้ชัดว่า "รัฐบาลไม่ล้มเหลว ยังมีอำนาจบริหาร-สั่งการอยู่ในมือ"
- พิสูจน์ให้รู้ชัดว่า "กองโจรต้องไม่เหนือกว่ากองทัพ"
- พิสูจน์ให้รู้ชัดว่า "ตำรวจ-ทหาร เพื่อประชาชน" ไม่ใช่ "ตำรวจ-ทหาร เพื่อกองโจร"
ท่านนายกฯ ท่านโรดแม็พกะโจรก่อการร้ายได้ โรดแม็พกะสมาชิกรัฐสภาได้ แล้วท่านไม่คิดจะโรดแม็พกับประชาชน โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ที่กำลังหายใจแขม็บๆ บ้างหรือ การปรองดองกับประชาชนคือ ท่านต้องเลิกคลานเช็ดตูดให้โจรก่อการร้ายได้แล้ว
กองทัพ "ไม่กลัว" กองโจร แน่ ประชาชนเชื่อ
แต่ ผบ.กองทัพ กลัว ผบ.กองโจร หรือเปล่านั้น....ประชาชนสงสัย!?

"สนธิ" คืนพันธมิตรฯ สละเก้าอี้ ก.ม.ม. เสนอทางออกปฏิวัติ-ดึง ปชช. ปฏิรูปประเทศ